วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ข้อดีและข้อเสีย ของการเรียนต่อต่างประเทศ

สำหรับใครบางคน การมีโอกาสเดินทางไปเรียนต่อและใช้ชีวิตในต่างแดนอาจเป็น
เหมือนฝันที่กลายเป็นจริง แต่ในขณะเดียวกัน การอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอน
ท่ามกลางวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคยก็อาจกลายเป็นฝันร้ายของใครหลายคน ดังนั้น 
การทำความเข้าใจในข้อดีและข้อเสียของการเรียนต่อต่างประเทศก่อนจะตัดสินใจ
ครั้งสำคัญจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง

ข้อดีของการเรียนต่อต่างประเทศ

การเรียนต่อต่างประเทศถือเป็นโอกาสในการเรียนรู้ที่จะยืนหยัดด้วยตนเอง
เนื่องจากข้อจำกัดของการใช้ชีวิตในต่างแดนจะบีบบังคับให้คุณต้องลงมือ
ทำทุกอย่างเอง ไม่ว่าจะเป็นการบริหารงบประมาณส่วนตัว จับจ่ายซื้อของ
ทำอาหารหรือทำความสะอาด นอกจากนี้ อิสระเสรีภาพที่คุณได้รับยามอยู่
ไกลหูไกลตาผู้ปกครองก็จะฝึกให้คุณรู้จักรับผิดชอบและควบคุมพฤติกรรม
ของตนให้อยู่ในระเบียบวินัย เพราะนักเรียนหลายคนอาจเพลิดเพลินไปกับ
การเข้าสังคมและแสงสีของอิสรภาพจนลืมไปว่าจุดประสงค์หลักของกา
รเดินทางมาต่างประเทศครั้งนี้คือความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียน

ประสบการณ์และช่วงเวลายากลำบากระหว่างที่คุณใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน
จะหล่อหลอมให้คุณแข็งแกร่งและมีทักษะในการแก้ไขปัญหาที่ดีขึ้น อันจะ
เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของคุณไปอีกนานหลังจากชีวิตนักเรียนสิ้นสุด
ลงแล้วนอกจากนี้ การเรียนต่อต่างประเทศยังเป็นโอกาสอันดีที่คุณจะได้พบปะ
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกที่มีพื้นเพทางวัฒนธรรมหลากหลายและมุมมองที่แตกต่าง
ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้คุณพัฒนาทักษะในการสื่อสารและการสร้างสัมพันธภาพกับ
คนแปลกหน้าที่มีอัตลักษณ์ต่างไปจากคุณ

ที่สำคัญไปกว่านั้น เมื่อถึงคราวที่คุณต้องเขียนประวัติย่อสำหรับสมัครงานหรือ
 CV คุณวุฒิการศึกษาจากต่างประเทศก็ยังเป็นเสมือนจุดขายที่ทำให้ใบสมัคร
ของคุณดึงดูดความสนใจยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นเครื่องพิสูจน์ศักยภาพ
ทางวิชาการของคุณแล้ว  การสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศยังแสดงให้ผู้
ว่าจ้างงานเห็นว่าคุณเป็นคนที่มีวุฒิภาวะ มีความพากเพียร ตลอดจนสามารถ
ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์และพึ่งพาตนเองได้ด้วย

ข้อดีของการเรียนต่อต่างประเทศอีกข้อหนึ่งก็คือโอกาสในการลงทะเบียนเรียน
ในสาขาวิชาที่ไม่เปิดสอนในประเทศของคุณ หลักสูตรในต่างประเทศดังกล่าว
จะเอื้อให้คุณได้ศึกษาวิชาที่คุณสนใจผ่านมุมมองและบริบทของสังคมและวัฒน-
ธรรมที่แตกต่าง ซึ่งจะเป็นการเปิดกว้างทางการเรียนรู้เพื่อนำไปต่อยอดและเสริม
สร้างโอกาสทางอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของคุณในอนาคต

ข้อเสียของการเรียนต่อต่างประเทศ

ข้อจำกัดแรกที่ทุกคนต้องเผชิญยามเรียนต่อต่างบ้านต่างเมืองก็คือการอยู่ห่างไกล
ครอบครัวและเพื่อนฝูง ซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทายสำหรับนักเรียนหลายคนที่ไม่เคยจาก
บ้านไปอยู่ที่อื่นเป็นระยะเวลานานๆมาก่อน นอกจากนี้ ประสบการณ์ในต่างประเทศ
ยังอาจเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ไม่สามารถคาดเดามากมาย และหลายครั้งหลายหนก็นำ
ไปสู่ปัญหาและความผิดหวัง

เหตุการณ์เหนือความคาดคิดเหล่านี้จะทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกหากทักษะความรู้
ทางภาษาของคุณไม่เพียงพอที่จะเอื้อให้คุณใช้แก้ปัญหายามเผชิญหน้ากับ
วิกฤตการณ์ที่คับขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับคนที่ตั้งใจเดินทางไปศึกษา
หาความรู้เชิงวิชาการในระดับชั้นต่างๆ โดยเฉพาะการศึกษาต่อในระดับปริญญา
ข้อจำกัดด้านการใช้ภาษาก็จะกลายเป็นอุปสรรคต่อการทำความเข้าใจบทเรียน
และการสร้างสรรค์ผลงานวิชาการที่มีคุณภาพ

นอกเหนือจากเรื่องข้อจำกัดทางด้านภาษา การต้องไปใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสภาพ
แวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยและประสบพบเจอกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่ประดัง
เข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Culture Shockหรือ
อาการช็อคทางวัฒนธรรม ความตระหนกและความรู้สึกสับสนท่ามกลางสังคมและ
วัฒนธรรมใหม่เป็นอีกสถานการณ์หนึ่งที่แต่ละคนมีวิธีในการรับมือต่างกันออกไป
ซึ่งก็มีนักเรียนบางส่วนที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับวิถีการดำเนินชีวิตที่แตกต่าง
จากที่เคยเป็นอยู่ได้ ทำให้ใช้ชีวิตในสังคมต่างประเทศลำบาก

แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณลองเปลี่ยนมุมมองใหม่ว่าการใช้ชีวิตนอกกรอบวัฒนธรรม
ที่เคยคุ้นจะเป็นการหล่อหลอมให้คุณพัฒนาทัศนคติเชิงบวกต่อความแตกต่าง
หลากหลายทางสังคมวัฒนธรรม การมองต่างมุมของคุณก็จะช่วยให้คุณลดอคติ
ทางวัฒนธรรม เชื้อชาติและศาสนา และมีทัศนคติในการมองโลกแตกต่างไปจากเดิม
ซึ่งจะกลายเป็นทุนความรู้ในการปรับตัวให้เข้ากับบริบทของสังคมและผู้คนในประเทศ
ที่คุณอาศัยอยู่ได้ดียิ่งขึ้นจนสามารถผสมผสานอัตลักษณ์เดิมเข้ากับวัฒนธรรมใหม่
อย่างสมดุลในที่สุด

การอยู่ห่างไกลสิ่งที่คุ้นเคยในขณะที่ต้องเปิดรับสิ่งใหม่ๆ รอบตัวที่ไม่เคยชิน ไม่ว่า
จะเป็นสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศ อาหารการกิน วิถีชีวิต ธรรมเนียมปฏิบัติ ที่อยู่
อาศัย ผู้คนและข้อจำกัดด้านภาษาไม่ใช่เรื่องง่าย โดยความห่างไกลจากเพื่อน
และสมาชิกในครอบครัวที่คอยเป็นที่พึ่งพิงเมื่อถึงคราวลำบากก็มีส่วนทำให้การ
รับมือกับสถานการณ์ยากขึ้น แต่ก็นับเป็นเรื่องโชคดีที่ปัจจุบันเทคโนโลยีในการ
สื่อสารอย่างอีเมล์หรือแชทได้ช่วยให้การติดต่อทางไกลกับครอบครัวและเพื่อนฝูง
กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าในอดีตมากมายนัก   

ควรตัดสินใจเรียนต่อต่างประเทศหรือไม่

คงมีแต่ตัวคุณเท่านั้นที่จะสามารถตอบคำถามข้อนี้ได้ คุณต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน
และชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีกับข้อเสียของการเรียนต่อในต่างแดนเพื่อให้แน่ใจว่า
คุณจะสามารถรับมือกับข้อจำกัดต่างๆ ที่คุณอาจประสบพบเจออย่างถูกวิธี

นอกจากการเรียนภาษาเพื่อเตรียมความพร้อมแล้วสิ่งที่ควรทำเมื่อตัดสินใจ
เรียนต่อต่างประเทศก็คือการศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรม ความเป็นอยู่หรือลักษณะ
นิสัยโดยทั่วไปของผู้คนในจุดหมายปลายทางที่คุณต้องการเดินทางไปให้ลึกซึ้ง
ในระดับหนึ่ง เนื่องจากแนวความคิดและทัศนคติทางสังคมของแต่ละประเทศล้วน
มีความแตกต่างกันไป ยังคงมีหลายแห่งที่ไม่ให้การยอมรับและเลือกปฏิบัติต่อ
คนบางกลุ่มอย่างไม่เท่าเทียมอยู่ ซึ่งประเด็นเรื่องการกีดกันทางเพศ สีผิวหรือ
ศาสนาเหล่านี้จะทำให้การใช้ชีวิตในต่างแดนของคุณยากยิ่งขึ้นหากคุณเป็น
ส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการยอมรับในประเทศ

หลังจากได้รับรู้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับประเทศแล้วก็ต้องทำการศึกษาราย-
ละเอียดของสถาบันและสาขาวิชาที่หมายปองเอาไว้เพื่อให้แน่ใจว่าหลักสูตร
ที่คุณเลือกเหมาะกับจุดมุ่งหมายและความสามารถของคุณที่สุด รวมไปถึง
ตรวจสอบข้อมูลค่าใช้จ่ายและข้อกำหนดทางกฎหมายของประเทศที่คุณ
ต้องการเดินทางไปเรียนอย่างถี่ถ้วน ตั้งแต่ขั้นตอนการยื่นคำร้องขอวีซ่า
ไปจนถึงกฎหมายแรงงานสำหรับนักเรียนที่ต้องการหางานพิเศษทำใน
ระหว่างเรียนเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง

เมื่อพิจารณาไตร่ตรองถึงข้อดีข้อเสียและตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเรียนต่อ
ต่างประเทศแล้วก็จงเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตนเอง และอย่าด่วน
ท้อถอยเมื่อเห็นวี่แววของปัญหาที่จะเกิดขึ้น พึงระลึกไว้เสมอว่า
การจัดการกับอุปสรรคและความท้าทายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของ
นักเรียนนอกเป็นส่วนหนึ่งของย่างก้าวแห่งการเติบโต ถ้าคุณเรียนรู้
ที่จะผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากตรงนี้ไปได้ ตัวคุณเองก็จะเข้มแข็ง
และสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตภายภาคหน้า
ได้อย่างมีสติและวุฒิภาวะมากขึ้น  
ที่มา: http://www.unigang.com

30 เรื่องจริงของเด็กไทยที่เรียนเมืองนอก

1.มักจะมีคำถามเสมอว่าทำไมไม่เรียนเมืองไทย เด็กไทยที่เรียนนอกก็จะอ้างเหตุผลนั้นนี่ไปเรื่อย แต่หลายๆคนคิดว่า "เบื่อ" แต่น้อยคนที่จะกล้าพูด ฮ่าๆๆๆ 
2. มักจะรับวัฒนธรรมของประเทศที่ตัวเองไปอยู่โดยบางคนไม่รู้ตัว 
3. และเมื่อกลับมาไทยจะโดนคนอื่นมองว่าก้าวร้าวบ้าง แต่ก็ไม่หวั่นเพราะคิดว่าไม่ผิด
4. หลายคนที่ไปอยู่หลายปีมักจะมีมุมมองที่ต่างจากเด็กไทยที่เรียนเมืองไทย 
5. เช่น การเถียงครูเป็นเรื่องไม่ผิด (ตามประเทศทางตะวันตก และ อเมริกา) เพราะทางประเทศพวกนั้นเขาสอนให้แสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ แต่ อ่า อ๊าา เดี๋ยวก่อน ต้องเถียงอย่างมีเหตุผลและใช้ภาษาอย่างสุภาพนะครับ อย่าเข้าใจผิดว่าลุกขึ้นมาด่า ช็อตๆๆ 
6. สำหรับเด็กไทยที่ไปโตประเทศนั้นมาตั้งแต่เด็กจริงๆ จะพูด,อ่าน,เขียน ภาษาไทยไม่ชัด แต่ภาษาฟังน่าจะโอเค (อันนี้แล้วแต่ว่าที่บ้านเลี้ยงมายังไงด้วยนะครับ) 
7.จะชอบเปรียบเทียบระหว่างเมืองไทย เมืองนอกเสมอ 
8. พวกที่ไปตอนโตแล้วซักนิดนึงก่อนไปอาจจะมีปัญหาเรื่องนั่นเรื่องนี่ แต่พออยู่ไปนานๆแล้วก็เพลินกับชีวิตซะสุดๆ 
9.เราจะพูด อ่าน เขียน ฟัง ภาษาของประเทศที่ไปอยู่ได้อย่างรวดเร็วมาก 
10.แต่ทั้งนี้ก็มีกรณียกเว้นเด็กบางคนที่ไม่ชอบเข้าสังคม ภาษาก็อาจจะช้านิดนึง แต่ยังไงก็ต้องได้ศัพท์ในการเอาตัวรอด
11.แม้รู้ว่าการอยู่เมืองนอกไม่ควรจับกลุ่มอยู่แต่กับคนไทยเท่านั้น แต่พอมีเพื่อนเป็นคนไทยก็อดไม่ได้ที่จะอยู่ด้วยกันและคุยภาษาไทยกันต่อ ฮ่าๆ 
12.เมื่อแรกอยู่ อาจจะไม่ค่อยเคยชินกับวัฒนธรรมนั้นๆตอนแรกเจอ แต่เมื่ออยู่ไปซักพักกลับมามองตัวเอง อ้าวเราติดนิสัยมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เหอะๆ ! 
13.ก็มีคนไทยส่วนหนึ่งดัดจริต แกล้งดัดจริต ทำไมออกสำเนียงไม่ชัดบ้าง กลับไทยมาทำท่าไม่ชินบ้าง (ในขณะที่บางคนอยู่ไทยมากว่า 20 ปี อยู่นอกแค่เทอมเดียว) กลับมากลายเป็นไม่ชินซะแล้ว โอ้ ช่างสุดยอดจริงๆ
ปล. ข้อนี้ไม่แนะนำให้เอาตัวอย่างนะครับ 
14.แต่ในขณะที่คนไทยที่อยู่เมืองนอกนานแล้วซักพักจะทำตัวปกติในรูปแบบที่เป็นตัวเอง น้อยคนที่จะดัดจริต (เพราะชิน) 
15.ไม่ว่าคนไทยไปอยู่ประเทศอะไร พูดภาษาอะไร แต่สำเนียงก็ไทยอยู่ (80 % ) ยกเว้นคนที่มีความทางสามารถทางภาษา หรือ ลิ้นอ่อน หรือ อยู่ตั้งแต่เด็กๆเลยจริงๆ 
16. จากข้อข้างต้นที่กล่าวมาทำให้เวลาพูดคนไทยจะเดาได้ว่าคนนี้เป็นคนชาติเดียวกัน
17.คนไทยหลายคนเวลาไม่พอใจกับต่างชาติแต่ไม่อยากมีเรื่อง มักจะใช้ภาษาไทยนินทาต่อหน้า (ฮ่าๆๆๆ) เพราะรู้ว่ายังไงเขาก็ฟังไม่ออกอยู่แล้วนี่
18.แต่เดี๋ยวก่อน ก็ต้องระวังด้วยนะครับ เพราะเมืองนอกก็มีคนเรียนภาษาไทย หรือ มีคนไทยที่เราดูไม่ออกว่าเป็นคนไทย มันเคยมีกรณีเกิดขึ้นมาแล้วนะ พูดภาษาไทยออกไปแล้วเขาฟังออก (หลังจากนั้นคิดเอาเอง.....) 
19. เด็กไทยเรียนนอกชอบบ่นเรื่องอากาศ พอหนาว(ก็หนาวเกิน) พอร้อน ก็บ่นอีก(ทั้งๆบางทีลืมไปแล้วเหรอครับ ว่าไทยร้อนกว่า) ฮ่าๆๆๆ
20.วิชาคณิตศาสตร์สามารถเชิดหน้าชูตาเด็กไทยได้เป็นอย่างมาก บางคนเรียนคณิตศาสตร์ในไทยได้เกรด 2.5 ไปเรียนเมืองนอกกลายเป็น Whiz kid ซะอย่างนั้น
21.เวลาเจอคนไทยที่นั่นจะรู้สึกอ๋อ นี่คนบ้านเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ทักกันหรอก แต่ก็มีบ้างที่ทัก
22.สำหรับคนเรียนนานาชาติที่เมืองนอกจะรู้สึกสนุกสนานที่ได้เจอเพื่อนต่างชาติต่างวัฒนธรรม แต่บางวัฒนธรรมเราจะรับไม่ได้
23.ชอบสอนการทักทายพร้อมการไหว้ให้เพื่อนต่างชาติได้ดู และเขาก็ทำตามก็รู้สึกภูมิใจ 
24.ในกรณี home sick เคยเกิดขึ้นแล้วกับเด็กไทยทุกคน บางคนมาก บางคนน้อย 
25.พอได้ยินเพลงไทยเปิดตามถนน หรือในห้าง เราก็จะรู้สึกโอ้ ภูมิใจ !
26. หากเด็กไทยกลุ่มไหนอยู่กับชาติที่ตรงต่อเวลา ก็จะติดนิสัยตรงต่อเวลา และเมื่อกลับมาไทยก็จะรู้สึกไม่ชอบเวลาเจอคนไม่ตรงต่อเวลา (เป็นข้อดี) 
27. เด็กไทยหลายคนช่วยเหลือตัวเองได้จากการไปอยู่เมืองนอก 
28. เด็กไทยที่ไปอยู่เมืองนอกถูกปลูกฝังความกล้าคิด กล้าแสดงออก โดยมิต้องเกรงกลัวใครหากไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
29. เด็กไทยที่ไปอยู่เมืองนอกจำนวนมากกล้าที่จะแสดงความคิดตอบโต้กับผู้ใหญ่ ซึ่งมิได้เป็นการก้าวร้าวในทัศนคติของเขา (ซึ่งผู้ใหญ่ควรเปิดมุมกว้างพอที่จะรับมุมของเด็กกลุ่มนี้ได้) 
30. เด็กไทยที่ยังพูด เขียน ภาษาไทยได้ดี นับเป็นความสามารถพิเศษในเมืองนอกกันเลยดีเดียว รวมถึงเพื่อนต่างชาติจะรู้สึก Oh! It's amazing! เพราะภาษาเรามีความงดงามอยู่ไม่น้อย
ก็มีทั้งจริงบ้าง ไม่จริงบ้างก็อ่านหนุกๆก็แล้วกันนะ
ข้อมูลจาก www.unigang.com

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

หาสถานที่เรียนภาษาอังกฤษให้ลูก


หลังจากหาเหตุผลให้กับการตัดสินใจว่าเหมาะสมได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือเรียนที่ไหนดี บอกเฉพาะที่เค้านิยมมาเรียนกันนะ  ดีไม่ดีแล้วแต่ผู้เรียนนะ

(ขอย้ำนะว่า เป็นการหาที่เรียนภาษาอังกฤษให้ลูกได้พูดภาษาอังกฤษอย่างมั่นใจโดยไม่รู้สึกอาย โดยให้ลูกไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษน่ะ)

1.     เรียนที่ British Council  Penang centre



Address: Wisma Great Eastern
             Suite 3A.1 & 3A.2,
             25 Light Street,
             10200 Penang
              Malaysia
         


 course ที่เรียนชื่อ  GENERAL ENGLISH COURSES  for adults    มี 2 ประเภท คือ
-     แบบ part time  ท เรียนวันละ 1.30 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 2 วัน  รวม 30  ชั่วโมง  (เรียนตอนเย็น) 
-     แบบfull time  เรียนวันละ 3  ชั่วโมง สัปดาห์ละ 3 วัน  รวม 30  ชั่วโมง  

มี course แบบอื่นด้วยนะ  เช่น IELTS Preparation  สำหรับ courseนี้เรียนจบแล้ว กลับมาสอบที่เมืองไทยเถอะจะได้คะแนนดีกว่าสอบที่ปีนัง
เพราะคนที่ปีนังเขาใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกันปกติอยู่แล้ว  พูดง่ายๆ คนที่สอบ speaking skill เรานั้นเขาอยู่ในไทยเขาก็คุ้นกับสำเนียงเราอยู่แล้ว
(แต่ถ้าคุณคิดว่า คุณเก่งแล้วก็ตามสบายเลยนะ) 

ส่วนที่พักก็สามารถถามจากเจ้าหน้าที่ได้ เค้าสามารถหาให้เราได้  ราคาค่าเรียนก็พอๆกับในไทย มีการสอบวัดความรู้ก่อนเหมือนในไทย

ส่วนข้อเสียที่ได้พบก็คือ
-    มีคนเรียนมาก แออัด โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมคนเยอะมาก
-    ที่จอดรถหายากมาก ถ้านำรถไปเอง ถ้าโชคดีมีที่จอดก็จอดแบบ
     หยอดเหรียญนะ คิดเป็นรายชั่วโมง
  แต่ส่วนใหญ่ไม่มีที่จอดค่ะ  แต่มีที่จอดรถแบบเอกชนใต้ตึกเป็น
  รายเดือนก็ค่อนข้างแพง  ฉะนั้นต้องมาก่อนเวลาเรียนเพื่อวนๆ
  หาที่จอดไกลๆ หน่อย หรือข้างหน้าตึกอีกฝากของถนนเป็น
  ลานจอดรถ ถ้าโชคดี อาจมีที่จอดก็ได้


   2.INTI   International College Penang   






                   Address: 10 Persiaran Bukit Jambul  Bayan Lepas, 
                                     Penang, Malaysia
                                  




ที่จริงแล้วเป็นมหาวิทยาลัยมีคณะต่างๆปกติ แต่มีสถาบันสอนภาษาอังกฤษอยู่ด้วย course ที่เรียนชื่อThe Laureate English Programme
ข้อดี คือ 1. คนเรียนน้อย แต่ละ level มีไม่ถึง 10 คน
        2. ที่จอดรถมีค่อนข้างมาก 
        3. มีห้องเช่ามากมาย ไม่ไกลสถานที่เรียนมากนัก      
            
ข้อเสียคือ ค่าธรรมเนียมแรกเข้า และ feeอื่นๆ ค่อนข้างแพง(มาก) ส่วนค่าcourse นั้นประมาณ 25,000 บาท เรียนจันทร์ถึง-ศุกร์ ประมาณ 8 สัปดาห์ ไม่แพงเท่าไหร่เมื่อคิดเป็นรายชั่วโมง


3.ELS  Language Centers ,penang



Address:   c/o Ham Chiang College
                 Jalan Lim Lean Teng 11600 Georgetown
                 Penang, Malaysia
                  
มีข้อดี-ข้อเสียคล้ายๆกับที่ INTI  แต่ที่สัมผัสมา รู้สึกว่าพนักงานของศูนย์จะไม่ค่อยจะประทับใจกับคุณหนูชาวไทยสักเท่าไหร่ คงจะสร้างวีรกรรมกันไว้เยอะ  ส่วนใหญ่ คนไทยจะเรียกว่าที่นี่ว่า โรงเรียนหันเจียง เพราะอยู่ในบริเวณโรงเรียนมัธยมหันเจียง   ELS เป็นสถาบันภาษาเหมือน AUA  หรือสถาบันภาษาอื่นๆในไทยนั่นแหละ

ที่จอดรถก็มี  จำนวนคนที่เรียนก็ใกล้เคียงกับ British Council ในบาง level
และ Course ที่จะเรียน ชื่อ Certified Intensive English Programme 
หมายเหตุ มี course IELTS,TOEFL ด้วย

4.ที่ สถาบันสอนภาษาใน USM (Universiti Sains Malaysia)


   Address: School of Languages, Literacies and Translation
                    Universiti Sains Malaysia 11800 Minden Penang
                   Malaysia 
                   

เป็นสถาบันสอนภาษาที่เป็นของมหาวิทยาลัย Sains Malaysia  เรียกย่อว่า USM ชื่อเต็มคือ Universiti Sains Malaysia ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ  ที่นี่จะมีการสอบวัดความรู้และ Level ก่อนเรียนเช่นเดียว
กับที่อื่นๆ   แต่คนที่เรียนที่นี่มักเรียนเพื่อปรับความรู้เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย คล้ายๆจะเข้าเรียนแต่คะแนนภาษาอังกฤษไม่ถึงเกณฑ์ อะไรทำนองนี้ แต่ถ้าเป็น
advance level ก็จะเหมาะกับคนที่เตรียมเรียนต่อปริญญาโท เพราะมีการสอนให้ฝึกเขียนพวก proposal และการ present งานหน้าห้อง แต่ถ้าเป็น level ต่ำๆ เด็กไทยค่อนข้างมาก และอาจจะได้ฝึกภาษาอังกฤษได้น้อย   ถ้ามีเป้าหมายในการฝึกใช้ภาษาน้อยและไม่ใจแข็งพอที่จะไม่พูดภาษาไทย




ฉะนั้นก็ต้องแนะนำว่าถ้าอยากฝึกภาษาก็ไปเรียนที่อื่นน่าจะดีกว่า แต่ที่นี่ราคาจะถูกกว่าที่สถาบันอื่น เพราะเป็นของรัฐน่ะ
สำหรับที่นี่ไม่มีปัญหาเรื่องที่จอดรถ และที่พักใกล้ๆมหาวิทยาลัยก็มีมากมาย

5. KDU College Penang Campus 


Address: KDU College (PG) Sdn Bhd
              32, Jalan Anson 10400 Penang  MALAYSIA
              

course ที่จะเรียนชื่อ Intensive English Language Enhancement Programme (IELEP)
 เรียน 1 เดือน

เป็นมหาวิทยาลัย มีคณะต่างๆและมีสถาบันสอนภาษาอยู่ด้วยเช่นเดียวกับ INTI ที่จอดรถก็หายากพอสมควร

ส่วนที่พักก็มีใกล้ๆแต่คงต้องจองกันนานทีเดียว เพราะจากประสบการณ์ลอง
ไปหาที่พักแถวนั้นดู หายากพอสมควรทีเดียว



สำหรับผู้สอน ที่ปีนังนี่สถาบันส่วนใหญ่ก็มีทั้งผู้สอนที่เป็นชาวต่างชาติและผู้สอนท้องถิ่น ยกเว้นที่ British Council  เป็นชาวอังกฤษหมด

แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้สอนแบบไหน เรา-คนไทยก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกับทั้งผู้สอนและเพื่อนๆอยู่แล้ว ยังไงเราก็ได้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว แม้มันจะไม่ใช่ภาษาที่มีสำเนียงเหมือนของคนไทยเท่านั้นเอง 

อาจจะมีสถาบันอื่นอีกนะ  แต่ที่ได้สัมผัสมาก็แค่นี้ ใครรู้ก็บอกเพิ่มเติมมาก็แล้วกันนะ

ใครสนใจสถาบันไหนก็ลองติดต่อหรือไปดูก่อนก็ได้  ตามความชอบ เราว่าค่าเรียนน่ะ ไม่แพงเท่าไหร่หรอก แต่ที่แพงคือค่าอยู่ค่ากินต่างหาก ยิ่งถ้าลูกเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์สูง ชอบหาประสบการณ์ ออกไปเที่ยวกับเพื่อนกลางคืน อะไรทำนองนี้ อันนี้จะยิ่งแพงมากหน่อย


สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้นะคะ
โปรดติดตามการหาที่พักให้ลูกที่จะไปเรียนภาษาอังกฤษที่ปีนัง

ลูกจะเรียนต่อต่างประเทศ

วันนึง ลูกมาบอกว่าอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ  ในฐานะของคนเป็นพ่อแม่
สิ่งแรกที่เราคิด คือ
จริงหรือ  (เป็นห่วงน่ะ)  ลูกเราไม่เคยไปต่างประเทศนะ  แล้วจะทำ
อย่างไรล่ะเนี่ย


สิ่งแรกที่เราเป็นห่วงคือ ลูกจะสื่อสารกับเขาได้ไหมเนี่ย เดี๋ยวอดละแย่เลย อยู่ไกลด้วย
ต้องแก้ปัญหาให้ได้    เพราะลูกเราก็เหมือนเด็กไทยทั่วไปคือไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษ
โดยเฉพาะการพูดจาสื่อสาร
 แต่โชคดีที่บ้านเราอยู่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลานะ 

ใกล้มาเลเซีย เลยตัดสินใจให้ลูกไปเรียนภาษาอังกฤษที่ปีนังก่อน แล้วก็หาเหตุผลอื่น
สนับสนุนความคิดและการตัดสินใจว่า เราคิดถูกแล้วที่ให้ลูกไปเรียนที่ที่เราเลือก 
(หาเหตผลให้ตัวเองสบายใจน่ะ)




เหตุผลที่เลือกให้ลูกไปลองเรียนภาษาอังกฤษที่ปีนัง ก็คือ 


1. อยู่ใกล้บ้าน  ขับรถไปแค่ไม่เกิน 3 ชั่วโมง ประมาณ 200 กว่า กิโลเมตรเอง

    ถ้าลูกต้องการความช่วยเหลือก็ไปหาได้ง่ายกว่าเรียนที่กรุงเทพฯ
2. ค่าใช้จ่ายก็พอๆกับเรียนที่กรุงเทพฯ บางที่ถูกกว่าอยู่กรุงเทพอีก
3. ลูกสามารถกลับบ้านได้ทุกสัปดาห์ แต่เราให้กลับเดือนละครั้ง กลับมารับเงินเดือนน่ะ
4. ลูกต้องไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลาเพราะพูดภาษาจีน ก็ไม่ได้
   ภาษามาเลย์ก็ไม่ได้ (ยังไงข้อนี้น่าจะได้ผลมากที่สุด ที่ลูกเราต้องพูดภาษาอังกฤษ
  ได้บ้างละงานนี้  ไม่พูดงานนี้ก็อดตายแน่ๆ เราแอบคิดลึกๆในใจ)

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้นะคะ 

         โปรดติดตามการเลือกสถานที่เรียนภาษาให้ลูก ในตอนต่อไป