วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การหาที่พักเมื่อไปเรียนภาษาอังกฤษที่ปีนัง



ในกรณีที่ต้องการความสะดวก ถ้าหากว่าสถาบันนั้นมีที่พัก ก็พักที่สถาบันจัดให้
จะสะดวกกว่า แต่ต้องดูด้วยว่าห้องที่พักนั้น เป็นอย่างไร  อยู่ใกล้ไหม  เดินไปห้องเรียน
สะดวกไหม หรือต้องขึ้นรถไป   สะอาดไหม  พักกันห้องละกี่คน  คนที่พักเป็นใคร
(บางครั้งก็ไม่ทราบ เพราะยังไม่มีคนมาอยู่) ต้องเสี่ยงดวงเอาเอง
5555  ส่วนใหญ่จะมี
แม่บ้านมาดูแลความสะอาดส่วนกลางให้ ต่างกับการพักข้างนอก
เราต้องดูแล
ความสะอาดทั้งหมดกันเอง




ห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นห้องชุด ที่มีห้องข้างในหลายห้อง บางครั้งในห้องย่อยๆนี้
ก็อยู่กันห้องละหลายคน  ถ้าเลือกได้ สำหรับคนที่เพิ่งไปอยู่ใหม่ก็ควรอยู่ห้องคนเดียว
เพราะจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า หรืออาจจะเลือกห้องที่มีห้องน้ำในตัวก็ได้
แต่ราคาห้องก็ต้องมากกว่าพักรวมกับคนอื่นแน่นอน และในห้องชุดนี้ก็จะใช้ของ
ส่วนกลางร่วมกัน เช่น ห้องน้ำ ห้องส้วม ห้องครัว ห้องรับแขก เป็นต้น   







แต่ถ้าไม่อยากพักที่พักที่สถาบันจัดให้ก็สามารถพักข้างนอกสถาบันได้  ถ้าโชคดี
ก็อาจจะมีเจ้าหน้าที่ของสถาบันแนะนำให้  แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ต้องใช้ความสามารถ
ของตัวเองในการหาที่พักหรือห้องเช่าหรือ บ้านเช่า แล้วแต่จะเรียก


                                

การหาห้องเช่า จากประสบการณ์ก็คือเราไม่สามารถไปเที่ยวเดินหาบ้านเช่า
แบบในไทยได้  ส่วนใหญ่จะหาจากอินเทอร์เน็ตก่อน (เช่น
www.ibilik.my  หรือ www.room.com.my  หรือ www.propertyguru.com.my) แล้วก็หาดูภาพห้อง
(แต่อย่าเชื่อในภาพที่เห็น) ต้องไปดูเองก่อน  ดูพิกัดของที่พัก ว่าใกล้ไกลสถานที่เรียน
แค่ไหน ถ้าไกลมีรถประจำทางผ่านไหม สายไหนผ่าน  อะไรทำนองนี้  (ใช้
goggle Mapให้เป็นประโยชน์ได้ มากที่สุด ก็คราวนี้)  ถ้าตกลงใจหลังจากเลือกได้หลายแห่งแล้ว
ว่าOKชอบพอแล้ว ก็ติดต่อชื่อที่ให้ไว้ของที่พักแต่ละแห่งเพื่อนัดเวลาขอดูที่พัก และ
อย่าลืมว่าการนัด ไม่ควรนัดแต่ละเจ้าเวลาตรงกันหรือใกล้กันเกินไป เพราะอาจพลาด
การไปดูที่พักบางแห่งได้ ถ้าเราเสียเวลากับการดูบ้านหลังนึง อาจส่งผลกับเวลานัด
ในหลังถัดไปได้   และคนที่ปีนังนิยมส่งเป็น 
message มากกว่าโทรศัพท์ แต่ก็ดี
เป็นหลักฐานการติดต่อและทำให้เราสามารถกลั่นกรองภาษาได้ครบถ้วนก่อนส่ง 







การขอดูที่พัก  ต้องมีการนัดหมายล่วงหน้าก่อน   ส่วนใหญ่ที่เราติดต่อด้วยมักเป็นagent เมื่อเราติดต่อเขาได้แล้ว เราอาจจะแจ้งความต้องการให้เขาหาที่พักในแบบ
ที่เราต้องการหรือ บริเวณที่เราต้องการอยู่เพิ่มเติม เผื่อไว้ และอย่าลืมบอก
ระยะเวลา
ที่เราต้องการเช่าด้วย ส่วนใหญ่ต้องเช่าอย่างน้อย
6 เดือน ถ้าที่พักที่เราไปดูไม่ถูกใจ เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลานัดเจ้าของบ้านใหม่อีก  เรียกว่า ไปดูครั้งเดียวต้องได้ที่พัก
ว่างั้นเถอะ แต่อย่าลืม ถ้านัดดูบ้านหลายเจ้า 
ต้องเผื่อเวลาไว้ให้ดีด้วย 




เรื่องค่าดำเนินการ  ถ้าเป็นเจ้าของบ้านเองจะไม่มีค่าดำเนินการ แต่ถ้าเป็น 
agent จะมีค่าดำเนินการ  ซึ่งต้องมีค่าดำเนินการ 30 -50 % ของค่าเช่า
ถ้าสามารถติดต่อ owner ได้โดยตรงจะโชคดีมาก 
เราเคยพบ agent ที่หินมาก เรียกเก็บค่าดำเนินการทั้งจากเจ้าของและจากผู้เช่า
ฮึ...โหดมาก... เจ้าของบ้านมาเล่าให้ฟังทีหลังน่ะ   เซ็งไปเลย....  แต่ยังไง ง.งู 
ก็ย่อมมาก่อน ฉ. ฉิ่ง  อยู่แล้ว ก็หยวนๆกันไป แต่ครั้งต่อไป ...อย่าหวังนะว่าจะได้อีก

การดูสภาพ และบริเวณห้องเช่า  จะดูจากรูปถ่ายไม่ได้  รูปอาจจะเป็นรูป
ที่ถ่ายสมัยที่ห้องนั้นยังใหม่อยู่  ปัจจุบันอาจไม่ใช่สภาพนั้นแล้วก็ได้ แต่หลายครั้ง
ที่พบ คือ กล้องถ่ายรูปปัจจุบัน มันถ่ายออกมาแล้วสวยกว่าเป็นจริงง่ะ อันนี้แหละ
สำคัญ เคยให้เพื่อนถ่ายรูปมาให้ดู สภาพมันดูดีมากเลย พอไปดูของจริง โอ..สุดยอด
โทรมสุดๆๆ 
 เพราะฉะนั้น ควรไปดูด้วยตาตัวเองดีที่สุด อย่าเชื่อภาพหรือใครทั้งสิ้น





ลักษณะหรือสภาพภายในที่พัก
มาดูเรื่องลักษณะหรือสภาพภายใน ที่พักกันบ้าง ในที่นี้ขอเรียกว่าบ้านนะ ในบ้าน
ก็จะมีหลายห้อง ส่วนใหญ่จะมีประมาณ
3 ห้อง มีห้อง 3 ขนาด คือ Master room
ก็เป็นห้องนอนใหญ่สุดของบ้าน เตียง 5 หรือ 6 ฟุต ส่วนใหญ่ห้องนี้จะมีห้องน้ำในตัว
และมักจะเป็นอ่างอาบน้ำ (ค่อนข้างเก่า)
 




Middle room  เป็นห้องขนาดกลางเตียง 5 ฟุต  Small room เป็นห้องขนาดเล็ก
เตียงอาจจะ  
3.5 หรือ 4 ฟุตแล้วแต่ owner จะเมตตาจัดไว้ให้  สำหรับห้อง 
ถ้าเป็นห้องแอร์หรือพัดลม ราคาก็ต่างกันเป็นห้องๆไป หรือถ้าเราเช่าทั้งหลัง
ก็จะได้ถูกลงมาหน่อย  ถ้าหากว่ามีคนอยู่กันครบทุกห้องนะ และห้องละ 1 คน
ย่อมถูกกว่า และสบายกว่าที่พักของสถาบันแน่นอน  แต่ถ้าพักคนเดียวทั้งหลัง
ก็แพงนะ



สำรวจของส่วนกลางก่อนตกลงใจ
ก็จะมีห้องน้ำ ห้องครัว ห้องรับแขก ระเบียง  เครื่องซักผ้า  ที่อบผ้า(ถ้ามีก็ดี)
ไมโครเวฟ  อะไรทำนองนี้ให้ในบ้าน  แล้วอย่าลืมดูว่า มีอินเทอร์เนตไหม ต้องจ่าย
ต่างหากหรือจ่ายรวมกับค่าเช่า มีสระว่ายน้ำ  มี 
fitness  (ใช้ได้จริงไหม  ข้อนี้สำคัญมาก)
มีที่จอดรถไหม  


 

ในกรณีที่นำรถไปใช้เอง ต้องทำประกัน ไม่ควรทำ 1 เดือน  ควรทำ 6 เดือน
เพราะราคาต่างกันไม่มาก  ทำเรื่องนำรถเข้าไปใช้และทำทะเบียนชั่วคราว 
ตรวจความเข้มของฟิล์มรถด้วย แต่เราว่าก็ไม่เสียเวลามากในการทำเหมือนบ้านเรา 

                                      

การทำสัญญาเช่าบ้าน สามารถหาอ่านรายละเอียดจากอินเทอร์เนตไปก่อนได้ 
ส่วนใหญ่ก็มีหลักๆคือ ชื่อผู้เช่าพร้อมเลขที่ Passport  ชื่อผู้ให้เช่า เริ่มอยู่เมื่อไร
ถึงเมื่อไร ค่าเช่าเดือนละเท่าไร  จ่ายล่วงหน้าอะไรบ้าง เท่าไร เงินประกันเท่าไร  
(ตัวเลขทุกอย่าง ต้องตรวจสอบให้ละเอียด) และควรอ่านในสาระสำคัญของ
สัญญาด้วย อย่าไว้ไจเด็ดขาด เพราะเราเป็นคนต่างชาติ เราย่อม
เสียเปรียบเขาทุกอย่างถ้ามีเรื่องมีราวกัน กันไว้ดีกว่ามาแก้ทีหลัง 



ส่วนใหญ่แล้ว
agent จะส่งสัญญามาให้อ่านก่อน ถ้ามีอะไรแก้ไข ก็แจ้งเขาไป 

แล้วพอวันทำสัญญา ถ้ายังมีข้อผิดพลาดเราใช้วิธีขีดฆ่าข้อความทิ้งแล้ว
ลงชื่อกำกับทั้งสองฝ่ายและทั้งสองฉบับ ไม่รู้ผิดถูกอย่างไร แต่เราเบื่อการล่าช้าน่ะ 
ก็ไม่มีปัญหาอะไรก็อยู่ได้จนจบกลับไทย

ถ้าโชคดี ได้ 
owner ในสัญญาจะมีแต่สาระหลักๆเท่านั้น บางครั้งมีหน้าเดียวเอง 

ไม่มีน้ำท่วมทุ่งมาให้อ่าน แล้วก็ไม่เสียค่าดำเนินการด้วย  ประหยัดทั้งเงิน 
และเซลล์สมองที่เสียไปจากความเครียด 555


หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังจะไปหาประสบการณ์การหาที่พัก
ที่ปีนังบ้างนะคะ



ขอบคุณภาพจาก อินเทอร์เนต